เครื่องตรวจจับการล้ม สำหรับ ผู้สูงอายุ และ ผู้ป่วยที่มีปัญหาด้านการเดิน โดย ห้องวิจัยความฉลาดทางการคำนวณ (CIRL) ศูนย์วิศวกรรมชีวการแพทย์ (BMEC) ภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ การหกล้มในผู้สูงอายุ การหกล้ม[1]
หมายถึง การเกิดการเปลี่ยนแปลงท่าทางโดยไม่ได้ตั้งใจ
เป็นผลทำให้ร่างการทรุดหรือลงไปนอนกับพื้น หรือ การปะทะสิ่งของต่างๆ เช่น โต๊ะ
เตียง เป็นต้น อุบัติเหตุการณ์ล้มพบในผู้สูงอายุเพศหญิงร้อยละ 25 และ
พบในผู้สูงอายุเพศชายร้อยละ 12 สามารถแบ่งชนิดการล้มได้ 2 ชนิดคือ 1.การล้มแบบพลาดหรือสะดุด
และ 2.การล้มแบบลื่นไถล ปัจจัยที่ทำให้ผู้สูงอายุเกิดการล้ม[2] 1.
ปัจจัยทางด้านร่างกาย
ได้แก่ -
อาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง -
ความบกพร่องในการทรงตัว
หรือ ก้าวเดินไม่ดี -
ข้อเข่าเสื่อม
หรือ อักเสบ -
ความบกพร่องในการมองเห็น -
โรคซึมเศร้า, โรคสมองเสื่อม เช่น โรคอัลไซเมอร์ -
โรคที่เกี่ยวกับระบบไหลเวียนของเลือด
เช่น โรคความดัน -
ผู้สูงอายุที่เคยมีประวัติการหกล้ม -
ผู้สูงอายุมากกว่า
80 ปี 2.
ปัจจัยทางด้านสภาพแวดล้อม
ได้แก่ -
พื้นมีลักษณะไม่ปลอดภัย
เช่น ลื่น หรือ ขรุขระ สามารถสะดุดได้ -
มีสิ่งก่อสร้างที่ไม่เหมาะสม
เช่น ขั้นบันไดที่มีความสูงไม่สม่ำเสมอ หรือ ไม่มีราวยึดเกาะ
ที่นั่งขับถ่ายเป็นแบบนั่งยอง เป็นต้น -
แสงสว่างไม่พอ
หรือ อาจสว่างจ้ามากเกินไป -
การจัดบ้านไม่เป็นระเบียบ
อาจทำให้เกิด สิ่งกีดขวางทางเดินได้ ผลของการหกล้ม
ส่งผลกระทบทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจ เศรษฐกิจต่อตัวผู้สูงอายุ และครอบครัว
มีผลต่อคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ ผลกระทบการล้มต่อร่างกาย
อาจนำไปสู่การเสียชีวิต บาดเจ็บ หมดสติ ในกรณีที่ล้มศีรษะฟาด
จะทำให้เกิดการกระทบกระเทือนทางสมอง กระดูกหักได้ โดยเฉพาะกระดูกบริเวณข้อสะโพก
ข้อมือ ซึ่งเหล่านี้นำไปสู่การบาดเจ็บที่ต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล
อาจต้องทำการผ่าตัด ใช้เวลาในการรักษาและฟื้นฟูเป็นเวลานาน
ก่อให้เกิดภาวะพึ่งพาช่วยเหลือตัวเองไม่ได้
และที่สำคัญมีโอกาสเกิดโรคแทรกระหว่างป่วย หรือ ผ่าตัด
เช่นอาการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ การเกิดแผลกดทับ เป็นต้น ผลกระทบทางด้านจิตใจ
พบว่าผู้สูงอายุจำนวนไม่น้อยจะเกิดความอาย วิตกกังวล กลัวการหกล้ม
บางรายอาจมีภาวะซึมเศร้า หมดความมั่นใจในตนเอง
ซึ่งเหล่านี้ทำให้ผู้สูงอายุลดกิจกรรมการเข้าสังคม เก็บตัว
หรือไม่กล้าทำกิจกรรมใดๆ ที่เคยทำ การที่ผู้สูงอายุหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมต่างๆ
ไม่ค่อยเคลื่อนไหวจะส่งผลให้สูญเสียความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ข้อยึดติด ไม่มั่นใจในการเดิน
ลักษณะการเดินติดขัด ไม่มั่นใจ ก็จะยิ่งชักนำไปสู่การหกล้มมากขึ้น ผลกระทบทางเศรษฐกิจ
หลังจากหกล้มที่นำไปสู่ความเจ็บป่วยต้องเข้ารับการรักษา ผ่าตัดได้รับยา
ทำให้เกิดค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล
พบว่าผู้สูงอายุที่หกล้มจะมีแนวโน้มที่เจ็บป่วยเพิ่มขึ้นพบแพทย์บ่อยครั้งขึ้น
ค่าใช้จ่ายด้านนี้จะเพิ่มขึ้นตามลำดับ
ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของครอบครัวได้โดยตรง การลุกขึ้นจากหกล้ม สำหรับท่านผู้สูงอายุ เมื่อหกล้มจะตื่นตระหนกทั้งผู้ที่ล้มและญาติ
การลุกที่ผิดท่าอาจจะทำให้เกิดผลเสียมากกว่าการหกล้มเสียอีก
ก่อนอื่นขอให้ตั้งสติให้ดี
ประเมินอาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นว่ารุนแรงมากน้อยแค่ไหน หากประเมินแล้วว่า
บาดเจ็บมาก เช่น มีกระดูกหัก อย่าพยายามลุกขึ้นเอง
ให้ขอความช่วยเหลือจากคนใกล้ชิด แต่ถ้ารู้สึกว่าได้รับบาดเจ็บไม่มากและคิดว่าลุกขึ้นเองได้ให้ปฏิบัติตามขั้นตอนดังนี้ 1.ให้พลิกตะแคง ยกศีรษะขึ้น 2.ยึดเกาะโต๊ะหรือเก้าอี้ที่มั่นคงโดยใช้มือสองข้าง 3.พยุงตัวขึ้นมาค่อยๆยกตัวขึ้นมา โดยเข่าข้างหนึ่งอยู่บนพื้น 4.ค่อยๆนั่งบนเก้าอี้ให้มั่นคง การป้องกันการลื่นล้ม[3] ห้องน้ำ/สุขา
วัสดุที่ใช้ปูพื้นเป็นชนิดไม่ลื่น มีราวเกาะข้างฝาและบริเวณที่ต้องลุกอย่างมั่นคงใช้โถส้วมแบบชักโครก
ห้องอาบน้ำมีที่นั่งขณะอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้า จัดวางของใช้ให้หยิบจับง่าย
ในระดับข้อศอก ห้องนอน/ห้องนั่งเล่น
จัดของใช้ให้เป็นระเบียบ หยิบจับง่าย ไม่มีของเกะกะ ตามพื้นห้องโดยเฉพาะสายไฟ
สายโทรศัพท์ พิจารณาใช้โทรศัพท์ไร้สาย
จัดให้มีแสงสว่างอย่างเพียงพอโดยเฉพาะทางเดินไปห้องน้ำ ไม่มีสิ่งกีดขวาง
ทางเดินในห้องนอนและห้องน้ำให้โล่ง ไม่มีหยดน้ำตามทางเดิน
เคลื่อนไหวหรือลุกจากเตียงอย่างช้าๆ ห้องครัว
จัดของข้าว/เครื่องปรุงให้ง่ายต่อการใช้ เก็บของใช้ที่หนักไว้ในที่ต่ำ
เช็ดหยดน้ำ น้ำมันทันที เลี่ยงการขัดเงาที่พื้นห้อง หากมีความไม่ปลอดภัยในการทำงานให้ทำการแก้ไข บันได
เลี่ยงการใช้บันได ถ้าจำเป็นต้องใช้บันไดต้องมีความมั่นคง มีความกว้างพอดี
ถอดแว่นตา งดอ่านหนังสือทุกครั้งขณะ ขึ้น/ลงบันได
ไม่รีบขึ้น/ลงบันได พื้นทั่วไป
ดูแลทางเดินให้โล่ง ไม่มีหยดน้ำ /สิ่งของกีดขวางทางเดิน ทางเข้า-ออกสะดวก
มีสว่าง เพียงพอ ไม่เก็บของใช้ในการทำสวน /ทำงานไว้ในตามทางเดิน การดูแลสุขภาพ
รับประทานอาหารให้เพียงพอ เน้นผักและผลไม้
เพื่อรักษาสมดุลของร่างกายและต้านทานโรค ไม่ควรงดอาหาร ทำให้อ่อนเพลีย มึนงง
มีการเคลื่อนไหวทุกวันเดิน/ออกกำลังกายตามวัย เช่น ไทจี๋
เพื่อรักษาความยืดหยุ่นของข้อและสมดุลของร่างกาย เข้าสู่โปรแกรมการออกกำลังกาย
ตรวจสายและการได้ยินเป็นประจำสม่ำเสมอถ้าพบ ปัญหาควรใช้อุปกรณ์ช่วย
สอบถามแพทย์/เภสัชทุกครั้งที่รับยาถึงผลข้างเคียงของยา ถ้ารับยาที่มีผลทำให้ง่วงซึม
หลับ ต้องปรับเปลี่ยนการทำกิจวัตรประจำวันเพื่อลดภาวะเสี่ยงต่อการลื่นล้ม
ห้ามผสมยากับแอลกอฮอล์ ไม่ควรดื่มแอลกอฮอล์เพราะเป็นสาเหตุของการลื่นล้ม
ไม่อายที่จะใช้อุปกรณ์ช่วยเดิน จะทำให้เราปลอดภัย
ตรวจสอบอุปกรณ์ช่วยเดินให้มีความสูงเหมาะสม มั่นคง ปลายมียางหุ้ม ศูนย์บริการผู้สูงอายุปิยะมาลย์ เครื่องตรวจจับการล้มในผู้สูงอายุ เป็นระบบแจ้งขอความช่วยเหลือเมื่อเกิดการล้มในผู้สูงอายุ
โดยใช้เข็มขัดติดที่บริเวณเอว
ซึ่งจะทำการบันทึกและประมวลผลท่าทางการเคลื่อนไหวของร่างกาย เมื่อเกิดการล้ม
ตัวเครื่องจะทำการส่งเสียงร้องและส่งข้อความขอความช่วยเหลือไปยังโทรศัพท์เจ้าหน้าที่หรือผู้ช่วยเหลือที่ได้ทำการบันทึกไว้
รวมถึงสามารถบอกพิกัดตำแหน่งของผู้ล้ม
ซึ่งจะทำให้สามารถเข้าถึงเพื่อทำการช่วยเหลือ ณ
ตำแหน่งที่เกิดอุบัติเหตุการล้มได้อย่างทันท่วงที เครื่องตรวจจับการล้ม การสวมเครื่องตรวจจับการล้ม วิธีการใช้งานเครื่องตรวจจับการล้ม 1.
ทำการเปิดสวิตซ์เครื่องตรวจจับการล้ม
รอจนไฟสถานะขึ้น
2.
ทำการเปิดเว็บไซต์
กรอกเบอร์โทรศัพท์ที่จะส่งข้อความขอความช่วยเหลือ,
กรอกชื่อและที่อยู่ของผู้ใช้งาน 3.
ทำการเปิดใช้งานระบบอินเทอร์เน็ตในโทรศัพท์มือถือ 4.
ทำการเปิดโปรแกรมตรวจจับการล้มที่โทรศัพท์มือถือ
ทำการกรอกหลายเลขเครื่องที่กำหนดในเว็บไซต์และกรอกไอพี-แอดเดรส ของเซอร์ฟเวอร์ ไอคอนโปรแกรมตรวจจับการล้ม 5.
ทำการเชื่อมต่อระบบกับบลูทูธของเครื่องตรวจจับการล้ม - กดปุ่ม
เชื่อมต่อ -
อนุญาตเชื่อมต่อบลูทูธ
มี 2 ขั้นตอนคือ การขออนุญาตเปิดบลูทูธ และ อนุญาตให้อุปกรณ์อื่นเห็นบลูทูธ
เลือก ใช่ - ทำการเลือกหมายเลขแมกแอดเดรสของบลูทูธ โดยที่เลขแมกแอดเดรสของบลูทูธจะบอกอยู่ที่ตัวเครื่องตรวจจับการล้มตัวนั้นๆ
-
เมื่อทำการเลือกบลูทูธแล้วก็จะทำการเชื่อมต่อตัวเครื่องตรวจจับการล้มไปยังเซิร์ฟเวอร์อัตโนมัติ
ซึ่งหากทำการเชื่อมต่อสำเร็จ ปุ่ม ตัดการเชื่อมต่อ จะแสดงการทำงาน และที่เว็บไซต์จะมีการแสดงสัญลักษณ์การเชื่อมต่อสีเขียวดังรูป
แสดงว่าระบบพร้อมใช้งาน
หน้าโปรแกรมที่เว็บไซต์ ในกรณีที่เกิดการล้ม ระบบจะทำการแจ้งเตือนดังนี้ -
ตัวเครื่องตรวจจับการล้มจะส่งเสียงร้อง
โดยวิธีการปิดเสียงร้องทำได้โดยสั่งปิดผ่านทางโทรศัพท์ โดยเลือกปุ่ม หยุดเสียงเตือน -
ที่หน้าเว็บไซต์จะแสดงสัญลักษณ์แจ้งเตือนการล้ม
เป็นรูปอัศเจรีย์บนพื้นสีส้มแดง นอกจากนี้
เมื่อทำการคลิกเข้าไปที่คำว่า แผนที่ช่วยเหลือ ภายในเว็บไซต์ก็จะแสดงแผนที่ของตำแหน่งที่เกิดการล้มของผู้สวมอุปกรณ์ได้
ดังรูป หากผู้สวมอุปกรณ์ต้องการความช่วยเหลือฉุกเฉินสามารถเปิดสวิตซ์ขอความช่วยเหลือฉุกเฉินได้
โดยเมื่อทำการเปิดสวิตซ์ตัวเครื่องตรวจจับการล้มก็จะเกิดส่งเสียงร้องและที่หน้าเว็บไซต์ก็จะแสดงสัญลักษณ์การขอความช่วยเหลือฉุกเฉินซึ่งมีลักษณะเป็นรูปกากบาทบนพื้นสีแดง เอกสารอ้างอิง [1]
โครงการขยายโอกาสทางการเรียนรู้ด้านการดูแลตนเองสู่ประชาชน.
คณะพยาบาลศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. 2545. การหกล้มในผู้สูงอายุ.
[ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา http://www.formumandme.com [2]
สถานพยาบาลผู้สูงอายุ และ บ้านพักผู้สูงอายุ. 2548.
การหกล้มในผู้สูงอายุ [ระบบออนไลน์].
แหล่งที่มา http://www.senior.co.th [3]
บุปผา จันทรจรัส, การป้องกันการหกล้มในผู้สูงอายุ.
งานการพยาบาลผู้ป่วยออร์โธปิดิกส์, โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ คณะแพทย์ศาสตร์
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. 2555. [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา http://www.med.cmu.ac.th/hospital/northo/2012/16-km-orthopedics/33-falling-lelderly.html สนับสนุนงานวิจัย โดย -
สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
(วช.) -
โครงการทรูปลูกปัญญา,
บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) สนใจเครื่องตรวจจับการล้ม ติดต่อ ห้องวิจัยความฉลาดทางการคำนวณ (CIRL) ภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ ชั้น 4 ตึก
30 ปี คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 239 ถนนห้วยแก้ว ตำบลสุเทพ อำเภอเมือง
จังหวัดเชียงใหม่ 50200 Tel: 08-4614-0006, 0-5394-2023 |